















อันดับแรกก็ต้องเริ่มจากบ้านผมก่อนครับ แล้วค่อยไปที่ไกลกว่านี้ ผมอยู่ ต.หนองเม็ก อ.หนองหาน ตรงปากทางเข้าอ.บ้านเชียง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "มรดกโลก บ้านเชียง" ต้องโปรโมทกันหน่อย อิ อิ
เส้นทางมายัง บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ออกจากอุดรธานีไปตามเส้นทางหมายเลข 22 ไปทางทิศตะวันออกตามเส้นเส้นทางสกลนคร ผ่านอำเภอหนองหาร บ้านหนองเม็ก ด้านซ้ายมือ ไปยังบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานีก็คือแหล่งโบราณคดีสำคัญที่ให้ความรู้ เกี่ยวกับพัฒนาการของสังคม และวัฒนธรรมสมัยโบราณเมื่อหลายพันปีมาแล้วในประเทศไทย สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังบ้านเชียงก็คือ เรื่องราวอันเกี่ยวกับอดีตของพื้นที่หมู่บ้านนี้ โดยเฉพาะเรื่องสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งมีการจัดแสดงไว้เป็นพิพิธภัณฑสถาน 2 แห่ง ในหมู่บ้านนี้ คือ พิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง และพิพิธภัณฑสถานกลางแจ้งที่วัดโพธิ์ศรีใน พ.ศ.2360 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้เกิดสถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองในราชอาณาจักรลาว ชาวพวนกลุ่มหนึ่งจากแขวงเชียงขวางจึงได้อพยพข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งหลักปักฐานอยู่ในผืนป่าที่เป็นเนินสูงน้ำท่วมไม่ถึงในฤดูฝน บริเวณรอบๆ เป็นที่ลุ่มเหมาะแก่การทำนา และมีแหล่งน้ำสำหรับกินใช้อย่างสมบูรณ์ตลอดมา พร้อมตั้งชื่อเรียกว่า “บ้านเชียง” ตั้งแต่นั้นมาแต่เมื่อประมาณ พ.ศ.2515 ที่ผ่านมา ได้เริ่มมีการสังเกตพบโบราณวัตถุและหลักฐานทางโบราณคดีในพื้นที่เนินของหมู่บ้านและส่งผลให้มีการศึกษาทางโบราณคดี จนได้ทราบว่าความจริงแล้วพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของบ้านเชียงปัจจุบัน เคยมีคนตั้งถิ่นฐานมาแล้วก่อนประวัติศาสตร์เมื่อพันๆ ปีก่อนจะมีการสร้างหมู่บ้านในปัจจุบันโบราณวัตถุที่พบ ได้แก่ เศษภาชนะดินเผาที่มีการตกแต่งเขียนเป็นลายสีแดง โครงกระดูก เครื่องมือที่ทำด้วยหินและสำริด โบราณวัตถุที่ทำด้วยหิน สำริด และเหล็ก โดยเฉพาะภาชนะดินเผาเขียนเป็นลายสีแดงนั้นเป็นโบราณวัตถุที่มีลักษณะเด่นมากเนื่องจากเพิ่งมีการพบเป็นครั้งแรกในประเทศไทย นักโบราณคดีทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความยอมรับว่าแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็นร่องรอยทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ซึ่งสามารถให้ความรู้อย่างมากในเรื่องการปรับตัวเองของมนุษย์ในสมัยอดีตเมื่อนับพันๆ มาแล้วให้สอดคล้องกับระบบสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรมของตน อันเป็นระบบที่มีพลวัตหรือมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พ.ศ.2535 คณะกรรมการมรดกโลกจึงขึ้นทะเบียนแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย(เป็นมรดกโลกลำดับที่ 4 จากทั้งหมด 5 แห่งในเมืองไทย) จากการสำรวจโบราณคดีในภาคอีสานตอนบนทั้งหมด พบว่าบ้านเชียงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และสามารถขึ้นเป็นมรดกโลกได้ หลังจาก พ.ศ. 2535 ที่บ้านเชียงได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเป็นต้นมา มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมบ้านเชียงเป็นอย่างมาก จากนั้นพอถึง พ.ศ. 2539-2540 เริ่มมีโครงการขอความช่วยเหลือจากต่างชาติ ก็ได้เข้ามาช่วยในเรื่องการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่วัดโพธิ์ศรีใน แล้วก็ปรับปรุงพวกภูมิทัศน์ต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ ช่วยในการปรับปรุงการจัดแสดงใหม่ซึ่งการปรับปรุงการจัดแสดงใหม่นั้นมาแล้วเสร็จใน พ.ศ.2550 ที่ผ่านมา เราได้พัฒนาหลายๆ ส่วนขึ้นมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์มากขึ้น และในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวก็จะได้เห็นภาพโบราณวัตถุต่างๆในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด บางส่วนที่เก่าทางพิพิธภัณฑ์ก็จะมีการปรับปรุงขึ้นมาใหม่โดยการทำด้วยวิธีการเก่า บ้านเชียงนั้นเด่นในเรื่องการเป็นยุคสำริดที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ที่มียุคสำริดที่เก่าแก่ที่สุด เป็นแหล่งที่มีสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นแหล่งเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเองที่โดดเด่นและหาได้ยาก ในปี 2539 จำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 2 แสนคน จำนวนนักท่องเที่ยวมาลดลงในช่วงท้ายที่เทศกาลโทรมหมดแล้วเราก็เลยต้องเริ่มปรับปรุงใหม่ ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่มีการปรับปรุงเราจะสร้างพื้นฐานในการรับนักท่องเที่ยวอย่างเช่น ห้องน้ำ ให้เพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยว ปรับปรุงแหล่งที่เคยขุดค้นมาก่อน ปรับปรุงอาคารและนำวัตถุโบราณที่จำลองไว้มาแสดง สำหรับของจริงบางส่วนเราก็นำไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ด้วย ทั้งหมดในส่วนของพิพิธภัณฑ์และกลางแจ้งเป็นของที่ค้นพบเจอที่บ้านเชียงทั้งหมด ในบริเวณที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมบ้านเชียงซึ่งมี 100 กว่าแหล่ง ของที่ได้จากแหล่งวัฒนธรรมทั้งหมดเปิดให้เข้าชมยกเว้นนิทรรศการใหม่ซึ่งสามารถเข้าชมได้เพียงบางส่วน รอพิธีเปิดปลายปี อีกไม่นานก็จะเสร็จเรียบร้อยและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ ซึ่งจุดประสงค์ของการจัดนิทรรศการใหม่เพื่อให้มีคนเข้าใจพื้นฐานและความสำคัญของบ้านเชียง เห็นคุณค่าสำคัญของการอนุรักษ์ปัจจุบันก็ยังมีการขุดค้นหา อยากจะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมจะได้ทราบอะไรหลายๆ อย่าง และรับรู้ถึงบทบาทของบ้านเชียงในระดับภูมิภาค นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังไม่ทราบอะไรเลยเกี่ยวกับบ้านเชียง ทำให้รู้เรื่องราวและรู้สึกซาบซึ้งความเป็นมาของอารยธรรมบนผืนแผ่นดินไทยได้ดีมากขึ้นพร้อมที่จะมีส่วนในการเก็บรักษา และก็เพิ่มคุณค่าให้อยู่นานเท่านาน และก็ทำให้คนไทยมีความรักในประเทศไทยมากขึ้นเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์อย่างแท้จริง นักท่องเที่ยวที่มาก็จะได้รับความรู้ตรงนี้และไม่น่าจะเหมือนที่อื่นในประเทศเพราะว่าการจัดแสดงของที่นี่แตกต่างจากการจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ทั่วไปในประเทศ เพราะว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงในเรื่องของการดำเนินงานตามโบราณคดีซึ่งพิพิธภัณฑ์ไม่มีการจัดแสดงตรงนี้เขาจะมีเอกลักษณ์ในด้านอื่น และเราก็เป็นมรดกโลกแห่งเดียวในภาคอีสาน อยากให้ทุกคนได้เข้ามาดูมรดกโลกของคนภาคอีสานว่ามีความเป็นมาอย่างไร
เคยมีคนบอกว่า ทำทัวร์ให้คนไทยง่ายมาก แต่จะขายประวัติศาสตร์ไม่ได้ เพราะคนไทยนิสัยลืมง่าย ขอแค่ได้ไปชะโงกทัวร์หลายๆที่ มีอาหารการกินดีๆ นอนหรูๆ มีที่ช็อปปิ้งก็พอแล้ว ไม่เถียงและยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง อาจเป็นเพราะเราขาดการอมรมบ่มเพาะให้รู้จักการศึกษาค้นคว้า โดยเฉพาะการค้นหารากเหง้าของตัวเอง ทั้งที่เราเป็นชนชาติที่มีอารยธรรมมานานนับพันปี แต่กลับไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องของอดีตกาลมาก
ราว 40 ปีก่อน นักศึกษาชาวอเมริกันคนหนึ่ง ได้มาใช้ชีวิตอยู่กับชาวบ้านเชียง อ.หนองหาน จ. อุดรธานี วันหนึ่งเขาออกเดินเล่น แล้วเกิดสะดุดรากไม้จนหน้าคะมำล้มลงไปจ๊ะเอ๋กับเศษภาชนะดินเผาลายเขียนสีแปลกตา ด้วยความสงสัย หนุ่มมะกันนายนั้นเลยเก็บตัวอย่างเศษภาชนะดินเผาที่พบตกหล่นกลาดเกลื่อนตามพื้นดินทั่วหมู่บ้าน ส่งไปตรวจพิสูจน์ ที่กรุงเทพฯ และแล้ว...อารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติเมื่อ 5 พันปีก่อน ที่ถูกฝังอยู่ใต้พื้นพิภพมานับพันปี จึงได้โผล่มาอวดสายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก “ภาชนะดินเผาเขียนลายก้นหอยสีแดง” กลายเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นที่ส่งให้ชื่อของบ้านเชียงเป็นที่รู้จักไปทั่วสารทิศในฐานะแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ แห่งแรกในเอเชียอาคเนย์ ซึ่งมีวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมที่ยาวนานที่สุด
จากปั้นหม้อปั้นไหด้วยดินเหนียว พัฒนามาทำเครื่องมือเครื่องใช้สำริดและเหล็ก แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการครั้งสำคัญทางเทคโนโลยีระดับท้องถิ่นของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนองค์การยูเนสโกต้องจารึกชื่อบ้านเชียงไว้ในทะเบียนมรดกโลกทางอารยธรรม เมื่อเดือนธันวาคม 2535 แต่เชื่อหรือไม่ ยังมีคนไทยไม่น้อยที่ไม่รู้จักว่าบ้านเชียงอยู่ที่ไหนและมีความสำคัญอย่างไร ทั้งที่ในความ เป็นจริง ใต้พื้นดินแทบทุกตารางนิ้วของบ้านเชียงยังคงมีโครงกระดูก ของบรรพบุรุษอีกจำนวนมากนอนทอดร่างรอให้อนุชนรุ่นหลังมาขุดค้นขึ้นไปศึกษาเรียนรู้ วิถีชีวิต และสภาพความเป็นอยู่ในยุคดึกดำบรรพ์
วันเวลาผ่านมาเนิ่นนาน แต่กลิ่นอายความอลังการแห่งบ้านเชียงยังได้รับการพิทักษ์รักษาไว้ อย่างดีใน “พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง” ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในนั้น คล้ายกับได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนคืนสู่อดีตที่ยังมีลมหายใจ โบราณวัตถุล้ำค่าจากฝีมือและหยาดเหงื่อคนรุ่นก่อน ถูกนำมาจัดแสดงอย่างเป็นระบบเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม ยิ่งถ้าได้ไปดู “หลุมขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรีใน” จะได้ประจักษ์แก่ สายตาว่าบ่อเกิดของอารยธรรมบ้านเชียงยิ่งใหญ่ ไม่เป็นสองรองใคร
แม้ชุมชนบ้านเชียงทุกวันนี้ คือชาวไทพวนที่อพยพเทครัวกันมาจากฝั่งลาว แต่พวกเขายังคงสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานไว้ได้อย่างเหนียวแน่น อาทิ “การทอผ้าฝ้ายย้อมคราม” ของขวัญแห่งภูมิปัญญาบรรพบุรุษ เพราะผ้าย้อมครามได้รับการวิจัยพบว่ามีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสียูวี เหมาะกับผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง เช่น ชาวไร่ ชาวนา ลวดลายที่ใช้ทอก็ถอดแบบมาจากธรรมชาติที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน เช่น ลายเต่า ลายดอกไม้ ส่วนงานฝีมือจำพวกของที่ระลึกอย่าง “การเขียนสีลายก้นหอยบนเครื่องปั้นดินเผา” คนที่นี่ยังใช้วัตถุดิบเป็นยางไม้ผสมดินลูกรังสีแดง เปรียบเสมือนการบอกเล่าตำนานเก่าแก่ผ่านผลงานศิลปะ เสน่ห์ชุมชนบ้านเชียงที่นักท่องเที่ยวควรตระหนัก ที่นี่ไม่มีเธคผับขับกล่อม มีเพียงงาน “บายศรีสู่ขวัญพร้อมกินพาแลง” ในมื้อเย็นเป็นการต้อนรับเท่านั้น และที่นี่ก็ไม่มีโรงแรมหรูหราหลายดาว มีแต่โฮมสเตย์ที่ให้นอน “จิบไวน์พื้นบ้าน” ชมดาวล้านดวงจากบนระเบียงได้อย่างสบายใจ หรือถ้าใครอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ฉ่ำปอด แนะนำให้ไป “ขี่เกวียนออนซอนชมเมืองมรดกโลก” ก็จะได้บรรยากาศเก๋ไก๋ไปอีกแบบ
ราว 40 ปีก่อน นักศึกษาชาวอเมริกันคนหนึ่ง ได้มาใช้ชีวิตอยู่กับชาวบ้านเชียง อ.หนองหาน จ. อุดรธานี วันหนึ่งเขาออกเดินเล่น แล้วเกิดสะดุดรากไม้จนหน้าคะมำล้มลงไปจ๊ะเอ๋กับเศษภาชนะดินเผาลายเขียนสีแปลกตา ด้วยความสงสัย หนุ่มมะกันนายนั้นเลยเก็บตัวอย่างเศษภาชนะดินเผาที่พบตกหล่นกลาดเกลื่อนตามพื้นดินทั่วหมู่บ้าน ส่งไปตรวจพิสูจน์ ที่กรุงเทพฯ และแล้ว...อารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติเมื่อ 5 พันปีก่อน ที่ถูกฝังอยู่ใต้พื้นพิภพมานับพันปี จึงได้โผล่มาอวดสายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก “ภาชนะดินเผาเขียนลายก้นหอยสีแดง” กลายเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นที่ส่งให้ชื่อของบ้านเชียงเป็นที่รู้จักไปทั่วสารทิศในฐานะแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ แห่งแรกในเอเชียอาคเนย์ ซึ่งมีวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมที่ยาวนานที่สุด
จากปั้นหม้อปั้นไหด้วยดินเหนียว พัฒนามาทำเครื่องมือเครื่องใช้สำริดและเหล็ก แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการครั้งสำคัญทางเทคโนโลยีระดับท้องถิ่นของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนองค์การยูเนสโกต้องจารึกชื่อบ้านเชียงไว้ในทะเบียนมรดกโลกทางอารยธรรม เมื่อเดือนธันวาคม 2535 แต่เชื่อหรือไม่ ยังมีคนไทยไม่น้อยที่ไม่รู้จักว่าบ้านเชียงอยู่ที่ไหนและมีความสำคัญอย่างไร ทั้งที่ในความ เป็นจริง ใต้พื้นดินแทบทุกตารางนิ้วของบ้านเชียงยังคงมีโครงกระดูก ของบรรพบุรุษอีกจำนวนมากนอนทอดร่างรอให้อนุชนรุ่นหลังมาขุดค้นขึ้นไปศึกษาเรียนรู้ วิถีชีวิต และสภาพความเป็นอยู่ในยุคดึกดำบรรพ์
วันเวลาผ่านมาเนิ่นนาน แต่กลิ่นอายความอลังการแห่งบ้านเชียงยังได้รับการพิทักษ์รักษาไว้ อย่างดีใน “พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง” ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในนั้น คล้ายกับได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนคืนสู่อดีตที่ยังมีลมหายใจ โบราณวัตถุล้ำค่าจากฝีมือและหยาดเหงื่อคนรุ่นก่อน ถูกนำมาจัดแสดงอย่างเป็นระบบเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม ยิ่งถ้าได้ไปดู “หลุมขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรีใน” จะได้ประจักษ์แก่ สายตาว่าบ่อเกิดของอารยธรรมบ้านเชียงยิ่งใหญ่ ไม่เป็นสองรองใคร
แม้ชุมชนบ้านเชียงทุกวันนี้ คือชาวไทพวนที่อพยพเทครัวกันมาจากฝั่งลาว แต่พวกเขายังคงสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานไว้ได้อย่างเหนียวแน่น อาทิ “การทอผ้าฝ้ายย้อมคราม” ของขวัญแห่งภูมิปัญญาบรรพบุรุษ เพราะผ้าย้อมครามได้รับการวิจัยพบว่ามีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสียูวี เหมาะกับผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง เช่น ชาวไร่ ชาวนา ลวดลายที่ใช้ทอก็ถอดแบบมาจากธรรมชาติที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน เช่น ลายเต่า ลายดอกไม้ ส่วนงานฝีมือจำพวกของที่ระลึกอย่าง “การเขียนสีลายก้นหอยบนเครื่องปั้นดินเผา” คนที่นี่ยังใช้วัตถุดิบเป็นยางไม้ผสมดินลูกรังสีแดง เปรียบเสมือนการบอกเล่าตำนานเก่าแก่ผ่านผลงานศิลปะ เสน่ห์ชุมชนบ้านเชียงที่นักท่องเที่ยวควรตระหนัก ที่นี่ไม่มีเธคผับขับกล่อม มีเพียงงาน “บายศรีสู่ขวัญพร้อมกินพาแลง” ในมื้อเย็นเป็นการต้อนรับเท่านั้น และที่นี่ก็ไม่มีโรงแรมหรูหราหลายดาว มีแต่โฮมสเตย์ที่ให้นอน “จิบไวน์พื้นบ้าน” ชมดาวล้านดวงจากบนระเบียงได้อย่างสบายใจ หรือถ้าใครอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ฉ่ำปอด แนะนำให้ไป “ขี่เกวียนออนซอนชมเมืองมรดกโลก” ก็จะได้บรรยากาศเก๋ไก๋ไปอีกแบบ
:: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ::
รายละเอียดแหล่งท่องเที่ยว :
ตั้งอยู่ที่บ้านเชียงตำบลบ้านเชียง แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านขวาของทางเข้าอยู่ในบริเวณวัดโพธิ์ศรีในเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกในประเทศไทย เป็นนิทรรศการถาวรซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตามชั้นดินเพื่อให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาถึงการขุดค้นทางโบราณคดีและโบราณวัตถุซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาชนะเผาที่ฝังรวมกับศพ ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้าเป็นอาคารที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีตตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ที่แสดงถึงเทคโนโลยีในสมัยโบราณรวมทั้งโบราณวัตถุและนิทรรศการบ้านเชียงที่เคยจัดแสดง ณ ประเทศสหรัฐอเมริกานอกจากนั้น ภายในบริเวณอาคารส่วนที่ 2 ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยายฉายภาพยนตร์ ภาพนิ่ง และการให้บริการการศึกษาต่างๆ
ที่ตั้ง :
ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่13 ตำบล บ้านเชียง อำเภอหนองหานจังหวัดอุดรธานี
วันทำการ :
-
เวลาทำการ :
-
เว็บ :
-
เบอร์โทรศัพท์ :
-
จำนวนนักท่องเที่ยว :
-
ลักษณะเด่นพื้นที่ :
1. การเดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงนั้นสะดวกมาก เนื่องจากอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเพียง 55 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 22(อุดรธานี-สกลนคร) ตรงกิโลเมตรที่ 50 ก็จะถึงปากทางเข้าบ้านปูลูจะเห็นป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ทางด้านซ้ายมือ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2225อีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์
2. เป็นนิทรรศการถาวรซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบ
3. จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีตตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ที่
4. -
กิจกรรม :
1. เยี่ยมชม
2. ถ่ายรูป
3. กิจกรรมครอบครัว
-
เวลาทำการ :
-
เว็บ :
-
เบอร์โทรศัพท์ :
-
จำนวนนักท่องเที่ยว :
-
ลักษณะเด่นพื้นที่ :
1. การเดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงนั้นสะดวกมาก เนื่องจากอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเพียง 55 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 22(อุดรธานี-สกลนคร) ตรงกิโลเมตรที่ 50 ก็จะถึงปากทางเข้าบ้านปูลูจะเห็นป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ทางด้านซ้ายมือ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2225อีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์
2. เป็นนิทรรศการถาวรซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบ
3. จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีตตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ที่
4. -
กิจกรรม :
1. เยี่ยมชม
2. ถ่ายรูป
3. กิจกรรมครอบครัว
วันนี้ได้เที่ยวบ้านเชียงกันเต็มอิ่มแล้ว ผมจะได้พาท่านไปเที่ยวที่อื่นต่อ มาดูกันนะครับว่าผมจะพาท่านไปเที่ยวที่ไหนกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น